ศิลปะ
NeO Classic
สถาปัตยกรรมแบบคลาสสิคใหม่
(Neo-Classic) เป็นรูปแบบสถาปัยกรรมที่ได้รับอิทธิพลมาจาก
การเคลื่อนไหวของการเกิดศิลปะแบบ
คลาสสิคสมัยใหม่ เนื่องจากการเผด็จการทางการเมือง
การต่อต้านการแบ่งชนชั้นในฝรั่งเศสและการที่ประชาชนได้รับความเจ็บปวดจากการ
เมือง ทำให้ชาวยุโรปตะวันตกหันมาสนใจในศิลปะแบบคลาสสิคอีกครั้ง
ประกอบกับการที่การพัฒนาด้านวิทยาการวิทยาศาสตร์ด้านโบราณคดีที่มากขึ้น
เพราะขุดค้นพบเมืองกรีกโบราณ คือ เมืองเฮอคูลาเนียน (1738) และเมืองปอมเปอี
(1748) ได้ ซึ่งพบศิลปะวัตถุที่มึค่า
ศิลปะแบบคลาสสิคสมัยใหม่ เริ่มต้นในช่วงยุคกลางของศตวรรษที่ 18
ถึงกลางศตวรรษที่ 19
ซึ่ง
ก่อนที่จะมีการเปลี่ยนแปลงสมัยนั้นนิยมศิลปะแบบรอคโคโค
และแบบบาร็อก ซึ่งมีลักษระที่ฟุ้งเฟ้อและมีรายละเอียดที่ค่อนข้างมาก
ในตอนต้นของยุคนี้จึงมีนำแนวความคิดรูปแบบศิลปะโบราณนำกลับมาใช้ใหม่
ลักษณะงานสถาปัตยกรรมในยุคนี้จึงมีแนวคิดและการสร้างงานโดยการนำงานแบบโบราณ
มาปรับปรุงเกิดเป็นรูปแบบใหม่แต่ยังเคารพใกฏเกณฑ์แนวคิดที่เป็นแบบแผนนั้น
ศิลปะในยุคนี้จะย้อนกลับไประลึกงานสมัยโรมันและโดยเฉพาะศิลปะในรูปแบบ
อุดมคติของกรีกและยังได้รับหลักการที่คงความเป็นเหคุเป็นผลของช่วงยุคเรเนส
ซอง ศตวรรษที่ 16 มาด้วย
งานสถาปัตยกรรมแบบ
Neo-Classic พบมากในยุโรปและได้รับความนิยมมากในฝรั่งเศส
รูปลักษณะที่ Neo- Classic นำมาใช้และสังเกตได้
(ซึ่งอาจไม่นำมาใช้ทั้งหมดที่กล่าว)
1.Symmetrical shape (รูปร่างที่สมมาตร)
2.Tall column that rise the
full height of building หรือ colonian
(เสาที่สูงขี้นไปจนเต็มความ สูง
อาคาร)
3.Triangular pediment (สามเหลี่ยมจั่วด้านหน้าอาคาร)
4.Domed roof (หลังคายอดโดม)
รูปแบบสถาปัตยกรรมยุค
Neo-classic
ประตูชัยฝรั่งเศส ราวๆ ปีค.ศ 1836 นับเป็นสิ่งก่อ
สร้างที่ใช้เวลาสร้างยาวนานไม่น้อย

ประตูชัยมีความสูง
50 เมตร หนา 50 เมตร และกว้าง 45 เมตร ภายใต้ซุ้มโค้งประดับด้วยโล่ 30 อัน
เป็นอนุสรณ์สถานที่สำคัญในกรุงปารีส
ประเทศฝรั่งเศส อยู่ทางทิศตะวันตกของชองป์-เซลิเซ่ส์ แบบของประตูชัยนั้น
ฌอง ชาลแกร็งเป็นผู้ออกแบบ
ในรูปแบบศิลปะคลาสสิคใหม่ ที่ได้ดัดแปลงมาจากสถาปัตยกรรมโรมันโบราณ
ช่างแกะสลักที่สำคัญของประเทศฝรั่งเศสนั้นก็ได้มีส่วนร่วมในรูปแกะสลักของ
ประตูชัยฝรั่งเศสด้วย
พระที่นั่งอนันตสมาคม
สมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5
พระที่นั่งองค์นี้ จัดได้ว่าเป็นรัฐสภาแห่งแรกของประเทศไทย เพราะว่า
ในช่วงที่เพิ่งเปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข
ได้ใช้พระที่นั่งองค์นี้ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ก่อนที่จะย้ายมาอยู่ ณ รัฐสภาปัจจุบัน
ซึ่งอยู่ข้างๆพระที่นั่งองค์นี้ รวมทั้งยังเป็นสถานที่ประกอบพระราชพิธี รัฐพิธี สำคัญๆมากมาย
อาทิ รัฐพิธีพระราชทานรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
พระที่นั่งประธานท่ามหมู่พระที่นั่งทั้งหมดในพระราชวังบางปะอิน
เป็นผลงานการออกแบบและก่อสร้างของนายช่างอิตาเลียนนาม ซินยอร์กราซี (มิสเตอร์กราซี)
ซึ่งดำเนินการก่อสร้างจนแล้วเสร็จเมื่อปี ๒๔๑๙ พร้อม ๆ
กับพระที่นั่งไอศวรรย์ทิพย์อาสน์
ซิ นยอร์กราซีเลือกเอาศิลปะนีโอคลาสสิก ในรูปแบบนีโอเรอเนซองซ์
ซึ่งกำลังได้รับความนิยมอยู่ทั่วโลกในขณะนั้น มาใช้กับพระที่นั่งองค์นี้
หัวใจของสถาปัตยกรรมสมัยนีโอคลาสสิกก็คือ
การหวนกลับไปเลียนแบบความรุ่งโรจน์แห่งอดีตในยุคคลาสสิก "กรีก-โรมัน"
ดังปรากฏที่มุขด้านหน้าของพระที่นั่งได้ทำเลียนแบบวิหารของกรีกสมัยเฮเลนนิ สติก
(หรือกรีกตอนปลาย) นั่นคือการใช้หัวเสาแบบโยนิก (ตกแต่งด้วยวงโค้งก้านขด)
และหัวเสาแบบคอรินเธียน (เป็น รูปใบอะคันธัสซ้อนกันหลายชั้น)
รองรับหน้าบันรูปสามเหลี่ยมหน้าจั่ว ในขณะเดียวกันก็ได้มีการนำเอาศิลปะเรอเนซองซ์สกุลช่างฝรั่งเศส
มาผสมผสานด้วยในส่วนของหอคอยขนาดย่อมที่มีหลังคาทรงพีระมิดตัด
ปลายยอดเป็นมงกุฎซึ่งประดับอยู่ตามมุมอาคาร ทั้งนี้ซินยอร์กราซีคงเห็นว่า
ลำพังเพียงแค่ชาลามุขแบบนีโอคลาสสิกกรีกนั้น ยังดูไม่หรูหราพอสำหรับสถานภาพของ
"ท้องพระโรง"
พระที่นั่งวโรภาษพิมานมีความสูงเพียง ชั้นเดียว
ลักษณะเป็นห้องโถงแบบใช้รับรองแขก
ปัจจุบันยังคงใช้เป็นที่ประทับของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
และพระบรมวงศานุวงศ์ในคราวเสด็จแปรพระราชฐาน