วันพุธที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2555

ศิลปกรรม



NeO Classic
   สถาปัตยกรรมแบบคลาสสิคใหม่ (Neo-Classic) เป็นรูปแบบสถาปัยกรรมที่ได้รับอิทธิพลมาจาก การเคลื่อนไหวของการเกิดศิลปะแบบ คลาสสิคสมัยใหม่ เนื่องจากการเผด็จการทางการเมือง การต่อต้านการแบ่งชนชั้นในฝรั่งเศสและการที่ประชาชนได้รับความเจ็บปวดจากการ เมือง ทำให้ชาวยุโรปตะวันตกหันมาสนใจในศิลปะแบบคลาสสิคอีกครั้ง ประกอบกับการที่การพัฒนาด้านวิทยาการวิทยาศาสตร์ด้านโบราณคดีที่มากขึ้น เพราะขุดค้นพบเมืองกรีกโบราณ คือ เมืองเฮอคูลาเนียน (1738) และเมืองปอมเปอี (1748) ได้ ซึ่งพบศิลปะวัตถุที่มึค่า 
            ศิลปะแบบคลาสสิคสมัยใหม่ เริ่มต้นในช่วงยุคกลางของศตวรรษที่ 18 ถึงกลางศตวรรษที่ 19
ซึ่ง ก่อนที่จะมีการเปลี่ยนแปลงสมัยนั้นนิยมศิลปะแบบรอคโคโค และแบบบาร็อก ซึ่งมีลักษระที่ฟุ้งเฟ้อและมีรายละเอียดที่ค่อนข้างมาก ในตอนต้นของยุคนี้จึงมีนำแนวความคิดรูปแบบศิลปะโบราณนำกลับมาใช้ใหม่ ลักษณะงานสถาปัตยกรรมในยุคนี้จึงมีแนวคิดและการสร้างงานโดยการนำงานแบบโบราณ มาปรับปรุงเกิดเป็นรูปแบบใหม่แต่ยังเคารพใกฏเกณฑ์แนวคิดที่เป็นแบบแผนนั้น ศิลปะในยุคนี้จะย้อนกลับไประลึกงานสมัยโรมันและโดยเฉพาะศิลปะในรูปแบบ อุดมคติของกรีกและยังได้รับหลักการที่คงความเป็นเหคุเป็นผลของช่วงยุคเรเนส ซอง ศตวรรษที่ 16 มาด้วย



งานสถาปัตยกรรมแบบ Neo-Classic พบมากในยุโรปและได้รับความนิยมมากในฝรั่งเศส
รูปลักษณะที่ Neo- Classic นำมาใช้และสังเกตได้ (ซึ่งอาจไม่นำมาใช้ทั้งหมดที่กล่าว)
    1.Symmetrical shape (รูปร่างที่สมมาตร)
    2.Tall column that rise the full height of building หรือ colonian 
       (เสาที่สูงขี้นไปจนเต็มความ  สูง  อาคาร)
    3.Triangular pediment (สามเหลี่ยมจั่วด้านหน้าอาคาร)
    4.Domed roof (หลังคายอดโดม)
รูปแบบสถาปัตยกรรมยุค Neo-classic
ประตูชัยฝรั่งเศส ราวๆ ปีค.ศ 1836 นับเป็นสิ่งก่อ สร้างที่ใช้เวลาสร้างยาวนานไม่น้อย
 
ประตูชัยมีความสูง 50 เมตร หนา 50 เมตร และกว้าง 45 เมตร ภายใต้ซุ้มโค้งประดับด้วยโล่ 30 อัน เป็นอนุสรณ์สถานที่สำคัญในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส อยู่ทางทิศตะวันตกของชองป์-เซลิเซ่ส์ แบบของประตูชัยนั้น ฌอง ชาลแกร็งเป็นผู้ออกแบบ ในรูปแบบศิลปะคลาสสิคใหม่ ที่ได้ดัดแปลงมาจากสถาปัตยกรรมโรมันโบราณ ช่างแกะสลักที่สำคัญของประเทศฝรั่งเศสนั้นก็ได้มีส่วนร่วมในรูปแกะสลักของ ประตูชัยฝรั่งเศสด้วย


พระที่นั่งอนันตสมาคม 
 
สมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5
    พระที่นั่งองค์นี้ จัดได้ว่าเป็นรัฐสภาแห่งแรกของประเทศไทย เพราะว่า ในช่วงที่เพิ่งเปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ได้ใช้พระที่นั่งองค์นี้ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ก่อนที่จะย้ายมาอยู่ ณ รัฐสภาปัจจุบัน ซึ่งอยู่ข้างๆพระที่นั่งองค์นี้ รวมทั้งยังเป็นสถานที่ประกอบพระราชพิธี รัฐพิธี สำคัญๆมากมาย อาทิ รัฐพิธีพระราชทานรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
พระที่นั่งวโรภาษพิมาน (พระราชวังบางปะอิน)
 
พระที่นั่งประธานท่ามหมู่พระที่นั่งทั้งหมดในพระราชวังบางปะอิน เป็นผลงานการออกแบบและก่อสร้างของนายช่างอิตาเลียนนาม ซินยอร์กราซี (มิสเตอร์กราซี) 
ซึ่งดำเนินการก่อสร้างจนแล้วเสร็จเมื่อปี ๒๔๑๙ พร้อม ๆ กับพระที่นั่งไอศวรรย์ทิพย์อาสน์
                  ซิ นยอร์กราซีเลือกเอาศิลปะนีโอคลาสสิก ในรูปแบบนีโอเรอเนซองซ์ ซึ่งกำลังได้รับความนิยมอยู่ทั่วโลกในขณะนั้น มาใช้กับพระที่นั่งองค์นี้ 
 หัวใจของสถาปัตยกรรมสมัยนีโอคลาสสิกก็คือ การหวนกลับไปเลียนแบบความรุ่งโรจน์แห่งอดีตในยุคคลาสสิก "กรีก-โรมัน" ดังปรากฏที่มุขด้านหน้าของพระที่นั่งได้ทำเลียนแบบวิหารของกรีกสมัยเฮเลนนิ สติก (หรือกรีกตอนปลาย) นั่นคือการใช้หัวเสาแบบโยนิก (ตกแต่งด้วยวงโค้งก้านขด) และหัวเสาแบบคอรินเธียน (เป็น รูปใบอะคันธัสซ้อนกันหลายชั้น) รองรับหน้าบันรูปสามเหลี่ยมหน้าจั่ว ในขณะเดียวกันก็ได้มีการนำเอาศิลปะเรอเนซองซ์สกุลช่างฝรั่งเศส มาผสมผสานด้วยในส่วนของหอคอยขนาดย่อมที่มีหลังคาทรงพีระมิดตัด ปลายยอดเป็นมงกุฎซึ่งประดับอยู่ตามมุมอาคาร ทั้งนี้ซินยอร์กราซีคงเห็นว่า ลำพังเพียงแค่ชาลามุขแบบนีโอคลาสสิกกรีกนั้น ยังดูไม่หรูหราพอสำหรับสถานภาพของ "ท้องพระโรง"
                   
  พระที่นั่งวโรภาษพิมานมีความสูงเพียง ชั้นเดียว ลักษณะเป็นห้องโถงแบบใช้รับรองแขก ปัจจุบันยังคงใช้เป็นที่ประทับของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพระบรมวงศานุวงศ์ในคราวเสด็จแปรพระราชฐาน